ตลาดหุ้นไทยเผชิญกับหลายปัจจัยที่ทำให้ประสิทธิภาพการเติบโตต่ำในช่วงที่ผ่านมาครับ รวมถึงยังไม่มีเงินลงทุนจากต่างชาติเข้ามาอีกด้วยครับ เนื่องจากทั้งเรื่องดอกเบี้ย และเรื่องของธุรกิจในประเทศไทยที่ล้าสมัยครับ
ลองคิดตามดูว่า หากเรามีเงิน เราก็อยากให้เงินของเรางอกเงยแบบปลอดภัยมากที่สุด และได้เยอะที่สุดใช่ไหมล่ะครับ การเอาเงินมาลงในธุรกิจยุคเก่า ยังไงก็ดูไม่สมเหตุสมผลกับการเอาไปลงในหุ้นอเมริากที่มี Ai ที่เป็นรากฐานใหม่ของอนาคตอยู่แล้วครับ
หรือจะเอาไปลงกับหุ้นประเทศที่ทำพลังงานสะอาดก็ยังดูน่าสนใจว่า จึงทำให้ไม่มีเม็ดเงินไหลเข้ามาในประเทศไทยนั่นเองครับ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่หุ้นจะร่วงครับผม เดี๋ยวเราไปเจาะลึกกันเป็นข้อๆดีกว่าครับ
ทำไมหุ้นไทยขึ้นไม่ไหว
การชะลอตัวทางเศรษฐกิจ: การเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยช้าลง โดยเฉพาะจากแนวโน้มประชากรที่มีอายุเพิ่มขึ้นและอัตราการเกิดที่ลดลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการบริโภคในประเทศและการเติบโตทางเศรษฐกิจระยะยาว ทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนลดลง
ความไม่แน่นอนทางการเมือง: ความไม่แน่นอนทางการเมือง เช่น การจัดตั้งรัฐบาลที่ล่าช้าและการที่นโยบายของรัฐบาลยังไม่ชัดเจน ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดความรู้สึกไม่มั่นคงในตลาดหุ้น เช่น การออกนโยบายประชานิยมที่ไม่ชัดเจนเกี่ยวกับแหล่งเงินทุนและการใช้จ่าย
อัตราดอกเบี้ยและการเคลื่อนย้ายการลงทุน: สภาพเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นในประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐอเมริกา ได้ทำให้เกิดการไหลออกของเงินทุนไปยังตลาดอื่น ๆ ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า ซึ่งเพิ่มความกดดันให้กับตลาดหุ้นไทย
สถานการณ์โลกก็ไม่เป็นใจ
ผลกระทบจากสถานการณ์โลก: ตลาดหุ้นไทยได้รับผลกระทบจากการผันผวนของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะจากการปรับอัตราดอกเบี้ยในประเทศพัฒนาแล้ว ซึ่งทำให้เกิดการไหลออกของเงินทุนจากตลาดเกิดใหม่ รวมถึงความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจในประเทศจีนที่ส่งผลต่อการค้าระหว่างประเทศ
การขาดนวัตกรรมและการลงทุนในเทคโนโลยี: ตลาดหุ้นไทยมีจำนวนบริษัทที่มีนวัตกรรมและการใช้เทคโนโลยีต่ำเมื่อเทียบกับตลาดอื่น ๆ ซึ่งอาจทำให้ความน่าสนใจของหุ้นไทยลดลงในสายตาของนักลงทุนที่มองหาการเติบโตที่สูงจากเทคโนโลยีใหม่ ๆ
ค่าเงินบาทที่อ่อนค่า: ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าอาจทำให้การลงทุนในไทยดูไม่น่าสนใจ เนื่องจากนักลงทุนต่างประเทศอาจมองว่าการลงทุนในหุ้นไทยจะได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ไม่เป็นประโยชน์
หุ้นไทยธุรกิจในไทยก็เป็นแบบดั่งเดิม
ธุรกิจแบบเก่า: ธุรกิจในประเทศไทยส่วนใหญ่ยังคงเป็นธุรกิจที่มีการดำเนินการแบบดั้งเดิม เช่น อุตสาหกรรมเกษตรกรรม, การผลิตในอุตสาหกรรมหนัก, และธุรกิจบริการพื้นฐาน เช่น โรงแรมหรือร้านอาหาร ซึ่งธุรกิจเหล่านี้มักมีการเติบโตที่ช้ากว่าเมื่อเทียบกับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีหรือการเงินที่เติบโตเร็วในหลายประเทศ
การพึ่งพาภาคเกษตร: เกษตรกรรมยังคงเป็นส่วนสำคัญของเศรษฐกิจไทย ซึ่งอาจทำให้ประเทศพึ่งพาตลาดโลกในสินค้าพื้นฐาน เช่น ข้าว ยางพารา หรือผลไม้ การที่ธุรกิจเหล่านี้ไม่สามารถปรับตัวตามความเปลี่ยนแปลงของตลาดโลกได้ทันอาจทำให้เกิดความผันผวนในเศรษฐกิจ แถมยังไม่สามารถทำให้ราคาภาคเกษตรขึ้นได้อีก ตกต่ำแบบยาวๆ
การขาดนวัตกรรม: การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมในธุรกิจไทยยังไม่เข้มข้นเท่าที่ควร ซึ่งอาจทำให้ตลาดหุ้นไทยไม่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่มองหาการเติบโตที่รวดเร็วจากการลงทุนในธุรกิจเทคโนโลยีหรือสตาร์ทอัพ
จากปัจจัยเหล่านี้ ธุรกิจที่ยังคงเน้นไปที่รูปแบบเก่าอาจทำให้ไทยไม่สามารถกระตุ้นการเติบโตในตลาดหุ้นและเศรษฐกิจได้เท่าที่คาดหวังครับ
สรุป
ทั้งเรื่องในประเทศของเราเองที่ไม่แข็งแกร่ง รวมถึงนอกประเทศดูน่าสนใจว่า และธุรกิจส่วนมากเป็นแบบดั่งเดิม นักลงทุนเงินหนายังไงก็ต้องเลือกที่ที่ได้ผลประโยชน์มากกว่าประเทศไทยครับ
ตอนนี้เราก็หวังแค่ว่าจะมีนโยบายมาขับเคลื่อนราคาหุ้น และผลักดันให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อไปได้ครับ ตอนนี้ใครไม่รู้จะทำอะไร ขอแนะนำว่า ลองเข้ามาซื้อหวยดูครับ ไม่แน่ว่ารางวัลที่กำลังจะออกจะเป็นของเราก็ได้ครับ